การแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ของบริษัทยักษ์ใหญ่: การสำรวจระบบ AI ของ Samsung, Apple และ Google
- GPT API
- AI Competition
- 05 Jan, 2025
การแข่งขันในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีกำลังขยายตัวอย่างไม่เคยมีมาก่อน Samsung, Apple และ Google กลายเป็นสามเสาหลักของอุตสาหกรรม โดยอาศัยจุดแข็งที่มีอยู่ในด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบนิเวศของตนเอง ทั้งสามบริษัทนี้ไม่เพียงแต่กำหนดอนาคตของตลาดเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคทั่วโลก แต่ยังเป็นตัวกำหนดขอบเขตของนวัตกรรมและการใช้งาน AI อีกด้วย
Galaxy AI ของ Samsung: การกำหนดนิยามใหม่ของระบบนิเวศที่ขับเคลื่อนด้วยฮาร์ดแวร์
Samsung มุ่งมั่นในการผสานรวม AI กับฮาร์ดแวร์เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยแพลตฟอร์ม Galaxy AI ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อระหว่างสมาร์ทโฟน อุปกรณ์สมาร์ทโฮม และอุปกรณ์สวมใส่ ทำให้เกิดระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์
หนึ่งในจุดเด่นของ Galaxy AI คือการใช้ อัลกอริธึมแนะนำส่วนบุคคล (Personalized Recommendation Algorithms) และการพัฒนาเทคโนโลยีปกป้องความเป็นส่วนตัว ตัวอย่างสำคัญคือสมาร์ทโฟน Galaxy S24 ที่เปิดตัวในปี 2024 ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "สมาร์ทโฟน AI" โดยมีฟีเจอร์การเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้แบบเรียลไทม์ สามารถปรับแต่ง UI แบบไดนามิก และใช้ On-Device Computing เพื่อเสริมความปลอดภัยของข้อมูล
Apple Intelligence: การสร้างระบบ AI ที่เป็นเอกลักษณ์
Apple ยังคงดำเนินกลยุทธ์ "Privacy First" หรือ ความเป็นส่วนตัวต้องมาก่อน โดยให้ความสำคัญกับ AI ที่ช่วยปรับแต่งประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ชาญฉลาดและเป็นส่วนตัวมากขึ้น แพลตฟอร์ม Apple Intelligence ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์ภายในระบบนิเวศของ Apple ตั้งแต่ iPhone, Mac ไปจนถึง Apple Watch
ในแง่ของฟังก์ชัน Apple Intelligence เน้นไปที่การโต้ตอบด้วยเสียงที่ทรงประสิทธิภาพและการรับรู้บริบทที่แม่นยำ เช่น ผู้ใช้สามารถใช้ Siri เพื่อดำเนินการคำสั่งที่ซับซ้อนและซิงค์งานข้ามอุปกรณ์ได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ Apple ยังเพิ่มการสนับสนุนสำหรับนักพัฒนา ทำให้แอปพลิเคชันของบุคคลที่สามสามารถผสานรวมกับ Apple Intelligence ได้ง่ายขึ้น ซึ่งช่วยขยายขอบเขตการใช้งานของ AI ให้กว้างขึ้น
โครงการ Gemini ของ Google: แนวทางที่เปิดกว้างและความร่วมมือ
Google ใช้แนวทางที่เปิดกว้างมากขึ้นในกลยุทธ์ด้าน AI โดยมุ่งเน้นที่การรวมเทคโนโลยีจาก Bard, DeepMind และโครงการอื่น ๆ เข้าไว้ด้วยกันภายใต้ Gemini ซึ่งกลายเป็นแพลตฟอร์ม AI หลักของ Google นอกจากการพัฒนาด้าน Generative AI แล้ว Gemini ยังถูกออกแบบให้รองรับการใช้งานในอุตสาหกรรมเฉพาะทาง เช่น การแพทย์ การศึกษา และความบันเทิง
Bard ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ AI ด้านการสนทนา ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของ Google ในด้าน Natural Language Processing (NLP) ขณะที่ DeepMind มุ่งเน้นไปที่ Reinforcement Learning และการตัดสินใจที่ซับซ้อน ทำให้ Gemini สามารถขยายขีดความสามารถของ AI ไปได้ไกลยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Google ยังเปิดตัว AI API ที่ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถปรับแต่งและใช้งาน AI ได้ตามความต้องการของตนเอง
ด้วยกลยุทธ์แบบ Open Ecosystem หรือระบบนิเวศที่เปิดกว้าง Google ดึงดูดนักพัฒนาและพันธมิตรทั่วโลก ซึ่งช่วยให้เทคโนโลยี AI ของบริษัทสามารถแพร่หลายและนำไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
ความสำคัญของการแข่งขันระหว่างสามยักษ์ใหญ่
การแข่งขันในด้าน AI ระหว่าง Samsung, Apple และ Google ไม่เพียงแต่ผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ยังช่วยให้ AI กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้ดีขึ้น ในแง่ของประสบการณ์ผู้ใช้ ฟีเจอร์แนะนำอัจฉริยะและการปกป้องความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งที่ทุกบริษัทให้ความสำคัญ ส่วนในระดับอุตสาหกรรม แนวโน้มของ AI กำลังก้าวไปสู่การบูรณาการระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
ในอนาคต การแข่งขันนี้อาจนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมที่กว้างขึ้น และช่วยให้ AI มีการพัฒนาและขยายขอบเขตการใช้งานในรูปแบบที่แปลกใหม่มากขึ้น การแข่งขันด้าน AI ระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้อาจเป็นตัวกำหนดทิศทางของเทคโนโลยีในอีกสิบปีข้างหน้า